เติมสินค้าของคุณให้เต็มชั้นวาง ลิสต์สินค้าของคุณให้เต็มทั้งหน้า

เติมสินค้าของคุณให้เต็มชั้นวาง ลิสต์สินค้าของคุณให้เต็มทั้งหน้า

เผยแพร่เมื่อ 25. May, 2007 โดย ในหมวด กลยุทธ์การตลาด

เวลาไปเดินซื้อของที่ Supermarket หรือ Discount Store เคยสังเกตไหมครับว่าชั้นวางสินค้าบางจุดจะมีแต่สินค้าเพียงยี่ห้อเดียวทั้งชั้นวาง

แล้วเคยสังเกตไหมครับว่าเวลา search หาสินค้าบางอย่างบน eBay คุณจะพบว่ามีสินค้าจากผู้ขายเพียงคนเดียวเต็มทั้งหน้า

นั่นคืออีกหนึ่งกลยุทธ์ที่คุณสามารถใช้ได้เวลาที่ลิสต์สินค้าบน eBay ครับ

ผมเคยไปเดิน Discount Store แห่งหนึ่ง และตอนนั้นผมอยากกินมันฝรั่งทอดยี่ห้อเทสโต้รสยำสาหร่ายมากๆ ผมก็เลยเดินไปที่โซนขายมันฝรั่งทอด เชื่อไหมครับว่าผมไม่เจอเทสโต้เลยสักซองเดียว ภาพที่ผมเห็นคือเลย์ที่วางอยู่เต็มชั้นวางทั้งชั้นเลย

งานนี้เลย์คงใช้กำลังภายในต่อรองกับเจ้าของห้างพอสมควรเลย ถึงได้ผูกขาดชั้นวางสินค้าได้ขนาดนี้

แต่กับ eBay คุณไม่ต้องใช้กำลังภายในใดๆ คุณก็สามารถแสดงสินค้าของคุณให้เต็มทั้งหน้าได้ นั่นแปลว่าลูกค้าจะเห็นแต่สินค้าของคุณครับ! (ถึงจะไม่ต้องใช้กำลังภายใน แต่ก็ต้องใช้เงิน)

การที่คุณจะลิสต์สินค้าให้ดูเต็มทั้งหน้าได้ อย่างแรกเลยที่ต้องมีก็คือสินค้าชนิดเดียวกัน แต่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าคุณขายเสื้อแบรนด์เนม ก็ต้องเป็นแบรนด์เดียวกัน แต่อาจจะมีสีหรือลายที่แตกต่างกัน เนื่องจากลูกค้ามักจะ search หาสินค้าโดยระบุชื่อแบรนด์ การลิสต์สินค้าแบรนด์เดียวกันทั้งหมดจะช่วยให้ลูกค้าเห็นแต่สินค้าของคุณถูกลิสต์ติดกันหมด แต่สินค้าที่นำมาลิสต์ก็จะต้องมีความแตกต่างกัน เพื่อให้ดูแล้วหลากหลาย ลองนึกภาพว่าถ้าคุณเดินห้างแล้วเจอเลย์อยู่เพียงรสชาติเดียว ซึ่งไม่ใช่รสที่คุณชอบ คุณก็คงไม่ซื้อ

นอกจากนี้ การใช้กลยุทธ์ราคา $0.99 ก็จะช่วยจูงใจลูกค้าด้วยครับ ถ้าลูกค้าเห็นแต่ลิสต์ของคุณ แต่คุณตั้งราคาไว้สูงมากเนื่องจากกลัวขาดทุน บางทีลูกค้าอาจจะไม่สนใจคลิกเข้ามาดูรายละเอียด และสินค้าของคุณอาจจะขายไม่ออก แต่ถ้าคุณตั้งราคาแบบ $0.99 ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้สูงขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่จะขาดทุน

แต่ผู้ขายบางคนก็ไม่ได้มองว่าเป็นการขาดทุนนะครับ กลับมองว่าเป็นต้นทุนการประชาสัมพันธ์ เพราะลิสต์แบบ $0.99 จะมีลิงค์ที่โปรโมทให้ลูกค้าไปดูสินค้าอีกตัวหนึ่งด้วย ซึ่งสินค้าตัวนี้เป็นสินค้าที่โดดเด่นเป็นดารา และตั้งราคาขายไว้สูง ถ้าขายสินค้าตัวนี้ได้ก็คืนทุนค่าประชาสัมพันธ์ทั้งหมด และได้กำไรติดไม้ติดมือมาด้วย

ผู้ขายพลอยรายนี้ลิสต์สินค้าทุก 1 นาที และมีสินค้าที่เป็นดาราวันละ 1 - 3 รายการ

ผู้ขายพลอยรายนี้ลิสต์สินค้าทุก 1 นาที และมีสินค้าที่เป็นดาราวันละ 1 - 3 รายการ

ผมจะลองสมมุติตัวเลขให้เห็นภาพนะครับ ถ้าคุณวางแผนว่าจะลิสต์สินค้า 20 รายการ คุณใช้ Terapeak เพื่อหาราคาขายเฉลี่ยของสินค้าชนิดนี้ และใช้ eBay Fee Calculator เพื่อคำนวณว่าคุณจะกำไรหรือขาดทุนเท่าไร ผลออกมาปรากฎว่าคุณขาดทุนรายการละ $1 แปลว่าเบ็ดเสร็จแล้วคุณจะขาดทุน $20

แต่คุณได้ทำลิงค์จากลิสต์ทั้ง 20 รายการนี้เพื่อโปรโมทสินค้าดาราของคุณ คุณตั้งราคาสินค้าตัวนี้แบบ Buy It Now ไว้ที่ $50 โดยที่ต้นทุนของคุณอาจจะอยู่ที่เพียง $10 แปลว่าถ้าคุณขายสินค้าตัวนี้ได้ คุณจะกำไร $40 ถ้าหักต้นทุนประชาสัมพันธ์ไป $20 ก็จะเหลือเข้ากระเป๋าคุณ $20

ยังมีกลยุทธ์ที่ลึกล้ำกว่านี้อีก คือลิสต์แบบ $0.99 ควรใช้วิธีลิสต์แบบ 1 Day เพื่อให้สินค้าของคุณปรากฎอยู่ในลำดับบนๆ ตลอดเวลาครับ ขณะที่สินค้าดาราที่จะตั้งราคาแบบ $0.99 เหมือนกัน ก็ควรลิสต์แบบ 7 Days หรือ 10 Days ไปเลยก็ได้ เพื่อให้คนเข้ามาประมูลกันเยอะๆ และดันราคาให้สูงขึ้นมากๆ สุดท้ายแล้วราคาอาจจะเกิน $50 เสียอีก

ทีนี้การจะลิสต์สินค้า 20 รายการภายในเวลารวดเร็ว เพื่อให้ลิสต์ทั้งหมดอยู่ติดกันเป็นแผง การใช้เว็บ eBay เพียงอย่างเดียวในการลิสต์สินค้าคงจะทำไม่ได้ครับ คุณจะต้องอาศัยเครื่องมือช่วย ซึ่งมีให้เลือกได้ 3 วิธี

  1. ใช้เว็บ eBay ลิสต์สินค้าตามปกติ แต่เพิ่ม Listing Upgrade ที่ชื่อว่า Scheduled Listings ซึ่งจะต้องเสียเงินเพิ่ม $0.10 คุณสามารถที่จะตั้งเวลาได้ว่าจะให้ลิสต์ทั้ง 20 รายการของคุณปรากฎขึ้นพร้อมๆ กับบน eBay ในวันเวลาไหน
  2. ใช้โปรแกรม Turbo Lister ในการสร้างลิสต์เตรียมไว้ก่อน ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใช้ได้ฟรี พอถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะลิสต์สินค้าขึ้น eBay คุณก็ใช้ Turbo Lister อัพโหลดทั้ง 20 รายการขึ้นไปเลย วิธีนี้ฟรี แต่คุณอาจจะต้องตื่นนอนมาลิสต์สินค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังเข้าเว็บกันอยู่ และวิธีนี้อาจทำให้สินค้าของคุณไม่ติดกันเป็นแผงก็ได้ เพราะ Turbo Lister จะทยอยส่งลิสต์ขึ้นไปทีละหนึ่งรายการ ซึ่งอาจจะมีลิสต์ของคู่แข่งเข้ามาคั่นกลางได้
  3. ใช้เว็บ Auctiva ในการสร้างลิสต์และตั้งเวลา ซึ่งเว็บนี้ให้บริการฟรีครับ ฟรีแม้แต่การตั้งเวลา คุณสามารถเตรียมลิสต์ในเวลาทำงานตามปกติของคุณ และสั่งให้ Auctiva ส่งลิสต์ขึ้นไปในเวลาที่ลูกค้ารอดูสินค้าของคุณอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นเวลานอนของคุณ เว็บนี้ดีมากๆ แต่มีข้อเสียที่บริการตั้งเวลานั้นอาจจะมีข้อขัดข้องในช่วงเวลาที่คนต้องการลิสต์สินค้าขึ้นไปเยอะๆ และทำให้สินค้าของคุณไม่ติดกันเป็นแผงแบบที่ต้องการ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การขายได้ดีขึ้นนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

แท็ก: , , , , ,

5 Comments

Mr.Sure

03. Jun, 2007

เริ่มต้นราคา $0.99 ผมว่าไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆนะครับ

ทำมั่วๆขาดทุนป่นปี้ คนที่เคยขายสินค้าบน eBay มาจริงๆจะทราบดีว่า มันไม่ได้เป็นไปในตำรา ตำราก็ว่าไว้ แต่เรื่องจริงก็อีกแบบ

ถ้าสินค้าคุณไม่ hot จริง ตั้งราคา $0.99 ไม่นานได้ปิดกิจการครับ

MacroArt

03. Jun, 2007

ไม่ใช่สินค้าทุกประเภทที่สามารถใช้กลยุทธ์ตั้งราคาแบบ $0.99 ได้ครับ สินค้าที่จะตั้งราคาแบบนี้ได้ จะต้องเป็นดังนี้

1. เป็นสินค้าที่มีความต้องการ (demand) สูง
2. ผู้ขายสินค้านี้ทั้งตัวเราและคู่แข่งของเรา จะต้องไม่ทำให้เกิด over supply จนราคาเฉลี่ยของสินค้าลดลงต่ำกว่าทุน

ผมจึงแนะนำคนที่เรียนกับผม หรือในหลายๆ บทความของเว็บนี้ ว่าควรจะใช้บริการเว็บวิจัยตลาดบน eBay อย่างเช่น Terapeak ครับ เพราะเราจะได้ทราบว่าราคาเฉลี่ยของสินค้าที่เราคิดจะขายอยู่ที่เท่าไรกันแน่ (ราคาเฉลี่ยที่ว่านี้ก็คือจุดตัดของ demand กับ supply) เราจะได้ไม่ทำตัวเองขาดทุนจนต้องปิดกิจการครับ

จริงๆ แล้วตำราก็อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงครับ เพียงแต่เราอาจจะตีความเนื้อหาในตำราได้ไม่รอบคอบพอครับ

ทอม

12. Jun, 2007

ผมเอง เพิ่งจะปรับเพิ่มราคาสินค้าไปเมื่อเดือนที่แล้ว ไปอีก 20% ครับ ทั้ง ๆ ราคาก่อนปรับก็แพงกว่าคู่แข่งประมาณ 15% อยู่แล้ว แต่ยอดขายเพิ่มเกือบ ๆ 2 เท่าเลย
เพราะสินค้าของผม เป็นสินค้าที่ว่าต้องแพงจึงจะเป็นของดี ราคาแพงจึงเป็นผลดี ไม่ใช่ว่าถูกแล้วจะขายดีเสมอไป

รักเร่

19. Jun, 2007

เเล้วการ ลิสภาพสินค้าที่มีราคาเเพงๆ 0.99
เเต่ในรายละเอียดเรา ระบุเป็นสินค้าอีกตัวหนึ่งละคะ ได้มั้ย
เช่น
โพสภาพ พลอยเเกะสลักเเบบ เเปลกๆ ราคาสูง ที่ 0.99
เเต่ในรายละเอียด ระบุว่าเป็นการประมูลสินค้า ตามรายละเอียด ซึ่งเป็น พลอย ธรรมดา
คือจุดประสงค์เพื่อ ให้ รู้ว่าในร้านมีพลอยเเกะสลักราคาเเพงหลายรายการ นะคะ เเต่ไม่สามารถ เริ่มราคาที่ 0.99ได้ (0.99 จึงเป็นากรประมูล สินค้าที่ท่านเห็นในรายละเอียด)
ไม่ทราบว่าอ่านเเล้วงงมั้ยคะ พอดีเคยเห็นฝรั่งบางร้านทำนะคะ

MacroArt

20. Jun, 2007

ภาพสินค้าต้องตรงกับสินค้าจริงที่เราขายครับ ถ้าไม่ตรงกัน eBay จะถือว่าเป็นการจงใจทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด ส่วนของลูกค้าก็จะ blame เราด้วยครับว่าภาพเป็นแบบนึง แต่รายละเอียดกลับเป็นอีกแบบ

Leave a reply